หน้าฝนคุณดูแลรถที่คุณรักกันอย่างไร?
ฝนนี้! ยีเอสมี 5 เคล็ดลับดูแลรถยนต์ เพื่อการดูแลและขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัยของผู้ใช้รถยนต์ในช่วงหน้าฝนมาฝากกัน ไปดูกันเลยว่าจะมีวิธีไหนบ้าง
1. #ยางและเบรก
สำหรับยางรถยนต์นั้นเมื่อใช้ไปนานๆ ควรได้รับการตรวจเช็คสภาพ โดยเฉพาะยางที่มีอายุการใช้งานเกิน 3 ปี เพราะยางจะเริ่มเสื่อมสภาพ ส่งผลให้การเกาะตัวกับถนนลดลง ส่วนเรื่องของระบบเบรก เวลาที่ต้องเบรกกระทันหันหรือเบรกแรงๆ นั้น รถยนต์จะลื่นไถลได้ง่าย อีกทั้งควรเช็คดอกยางเป็นประจำว่าว่าบางไปหรือเปล่า โดยดอกยางที่เหมาะสม ควรสูงมากกว่า 2.5 มม. เพื่อให้การรีดน้ำออกจากตัวยางมีประสิทธิภาพ
2. #ที่ปัดน้ำฝนและน้ำฉีด
อุปกรณ์สำคัญอีกอย่างในหน้าฝนคือ ที่ปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก หากวิสัยทัศน์ในการขับขี่ไม่ดีย่อมเป็นอุปสรรคแก่ผู้ขับขี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ควรตรวจสอบยางปัดน้ำฝนว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้ดีหรือไม่ หากปัดแล้วเป็นคลื่นไม่เรียบ หรือเวลาปัดแล้วเกิดเสียงดังรบกวนตลอดเวลาก็ควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่
3. #ยางขอบประตู
ยางในข้อนี้ก็คือ ยางขอบประตู ซึ่งเป็นจุดเล็กๆ ที่หลายคนมักจะมองข้ามไป แต่ถ้าหากลองนึกภาพว่าเรากำลังขับรถยนต์กลางสายฝนพร้อมกับบนท้องถนนนั้นมีน้ำเจิ่งนอง หากน้ำซึมเข้ามาภายในรถยนต์ได้ จึงควรตรวจสภาพยางขอบประตูด้วยครับว่าเสื่อมสภาพการใช้งานหรือยังด้วย
4. #อุปกรณ์สำรองต้องมี
หากจู่ๆ รถยนต์เกิดมีอาการดื้อขึ้นมากลางทาง การมีอุปกรณ์จำเป็นติดรถไว้จึงถือเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นร่มหรือเสื้อกันฝน, พาวเวอร์แบงก์, ไฟฉาย, สายพ่วงรถยนต์ และสายพ่วงแบตเตอรี่ หากเกิดเหตุฉุกเฉินอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้เราอุ่นใจมากขึ้นในยามที่รถเกิดเสียกลางทางในวันที่ฝนตก
5. #เช็คแบตเตอรี่ให้ชัวร์
ข้อสุดท้าย เรื่องแบตเตอรี่ สำหรับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 5 ปี หากใช้แบตเกินเวลา ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนความชื้นของอากาศมีผลต่อการทำงานของแบตเตอรี่ด้วย ฉะนั้นนอกจากเราจะต้องตรวจเช็คเกจหน้ารถยนต์ที่บอกสถานะของแบตเตอรี่แล้ว ก็ควรหมั่นสังเกตอาการอื่นๆ ของรถยนต์ด้วย โดยเฉพาะอาการสตาร์ทติดๆ ขัดๆ ซึ่งอาจมาจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ก็เป็นได้
แหล่งที่มา https://bit.ly/2VGhQvO
Credit by GSBATTERY