ความแตกต่างระหว่างแบตเตอรี่ดีฟไซเคิล deep cycle กับแบตเตอรี่รถยนต์

อะไรคือความแตกต่างระหว่างแบตเตอรี่รถยนต์ตะกั่วกรดปกติและแบตเตอรี่ Deep Cycle Battery?หากคุณเป็นคนที่ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์หรือเล่นรถไฟฟ้าก็อาจจะคุ้นเคยกับแบตเตอรี่ Deep Cycle Battery กันมาบ้าง
ทั้งแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่ Deep Cycle Batteryเป็นแบตเตอรี่ตะกั่วกรดที่ใช้สารเคมีแบบเดียวกันในการใช้งาน ความแตกต่างคือรูปแบบการใช้งานที่ถูกออกแบบมาเฉพาะทาง
– แบตเตอรี่ของรถยนต์ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้จ่ายกระแสไฟฟ้าจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ประจุของกระแสไฟนี้จำเป็นสำหรับการหมุนเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท เมื่อเครื่องยนต์เริ่มเดินรอบแล้วจะมีไดชาร์จมาช่วยจ่ายพลังงานให้พลังงานทั้งหมดที่รถต้องการดังนั้นแบตเตอรี่รถยนต์จึงต้องการกระแสไฟฟ้าจำนวนมากในชั่วขณะหนึ่ง แบตเตอรี่รถยนต์จึงใช้แผ่นธาตุบาง ๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวของมัน
– แบตเตอรี่ Deep Cycle ถูกออกแบบมาเพื่อให้กระแสคงที่ในระยะเวลานาน แบตเตอรี Deep Cycle สามารถให้กระแสไฟได้ตลอดเวลาเมื่อใช้งาน จึงมีแผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่หนากว่า แบตประเภทนี้จึงมีน้ำหนักมากกว่า

แบตเตอรี่รถยนต์มักจะมีค่าตัวเลขมา 2 ค่า 
CCA (Cold Cranking Amps) – จำนวนแอมป์ที่แบตเตอรี่สามารถผลิตได้ที่ 32 องศาฟาเรนไฮต์ (0 องศาเซลเซียส) เป็นเวลา 30 วินาที
RC (ความจุสำรอง) – จำนวนนาทีที่แบตเตอรี่สามารถสร้างประจุได้ 25 แอมป์ในขณะที่รักษาแรงดันไฟฟ้าไว้ที่ 10.5 โวลต์
โดยทั่วไปแบตเตอรี่ Deep Cycle จะมีค่า RC สองเท่าหรือสามเท่าของแบตเตอรี่รถยนต์ แต่จะจ่ายไฟเพียงครึ่งหนึ่งหรือสามในสี่ของค่า CCA ทั้งหมด นอกจากนี้แบตเตอรี่ Deep Cycle สามารถทนต่อการปล่อยประจุ / ชาร์จซ้ำได้หลายร้อยรอบในขณะที่แบตเตอรี่รถยนต์ได้ถูกออกแบบมาให้ปล่อยประจุออกมหาศาลในคราวเดียว

แบตเตอรี่ ดีฟไซเคิล Deep cycle Battery มักจะพูดถึงค่า

DOD หรือ Dept of Discharge ซึ่งมักจะบอกเป็นรอบ cycle หรือรอบการใช้งานแบตเตอรี่ เทียบกับเปอร์เซ็นต์ความลึกของการใช้งานในแต่ละรอบ หรือสามารถอธิายในลักษณะของกราฟได้ เช่น แบตเตอรี่ลูกนี้ที่80% DOD ใช้ได้ 500 cycle นั้น หมายถึง เมื่อเราดึงไฟจากแบตเตอรี่ออกไปใช้งาน80% แล้วชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาได้ถึง 500รอบ หรือ 500วัน(ถ้ารอบการชาร์จคือ1วัน)